ประวัติ Brand Hermes
Hermès
แอร์เมส คือ ธุรกิจที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 170 ปี
ปี 1837 เทียร์รี่ แอร์เมส (Thierry Hermès) เป็นผู้ก่อตั้ง เริ่มทำกิจการผลิตอานม้า บนถนน rue Basse du Remparts ในกรุงปารีสเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการผลิตเครื่องใช้สำหรับการขี่ม้า และกระเป๋าใหญ่ที่ใช้ในเดินทางด้วยรถม้าที่พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกหนังคุณภาพดีมาใช้ และการเย็บแบบ 2เข็ม ฝีเย็บจึงแน่นและทนทาน เทคนิคเหล่านี้กลายเป็นทรัพย์สินที่แอร์เมสใช้ต่อยอดผลิตเป็นสินค้าอื่นๆ โดยนำเอาความรู้เรื่องหนังหลากหลายชนิดและเทคนิคการเย็บแบบพิเศษมาใช้สร้างมูลค่า ด้วยคุณภาพและความมีฝีมือ ในเวลาเพียงไม่กี่ปี อานม้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆของเขาก็ได้รับกลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ราชวงศ์และชนชั้นสูงของฝรั่งเศส เพราะให้ความสำคัญกับการเป็นงานฝีมือ (Craffmanship) และ คุณภาพมากกว่าขนาด ยึดถือเทคนิคที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ รักษากระบวนการผลิตสินค้าให้ความสำคัญกับคุณภาพของการผลิต และการดำรงอยู่ของรุ่นต่อไปเป็นพื้นฐานไม่ใช่การทำยอดขายหรือหาผลกำไรแบบเร่งรีบ สิ่งที่สร้างผลกำไรให้ แอร์เมส Hermès คือความมุ่งมั่นและตั้งใจของช่าง และความสัมพันธ์ของช่างกับลูกค้า ถึงแม้จะมียอดขายรวมต่ำกว่า Louis Vuitton ถึง 4 เท่า แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับสูง เพราะราคาขายต่อหน่วยสูงมาก
เริ่มแรก Hermès เป็นที่รู้จักในฐานะชนชั้นสูง ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดหาอานม้าให้กับจักรพรรดิ นโปเลียนที่ 3 เมื่องานเอ็กซ์โปปี 1867 Hermès นำรองเท้าแตะมาโชว์ ได้รับรางวัลเหรียญเงินทำให้มูลค่าของ Hermès ขึ้นทันที
เริ่มแรก Hermès เป็นที่รู้จักในฐานะชนชั้นสูง ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดหาอานม้าให้กับจักรพรรดิ นโปเลียนที่ 3 เมื่องานเอ็กซ์โปปี 1867 Hermès นำรองเท้าแตะมาโชว์ ได้รับรางวัลเหรียญเงินทำให้มูลค่าของ Hermès ขึ้นทันที
ปี 1879 ชาร์ลส์ เอมิล แอร์เมส (Charles Émile Hermès) ทายาทรุ่น 2 ได้ย้ายสตูดิโอมาอยู่ที่ ถนน Rue du Faubourg Saint-Honore (ที่ตั้งในปัจจุบัน) สร้างเป็นร้านรองเท้าแตะ ทั้งผลิต ขายส่ง ขายปลีก แอร์เมสให้กลยุทธ์การขายปลีกโดยตั้งร้านในแหล่งที่อยู่อาศัยของขุนนางชั้นสูง เพื่อเข้าถึงลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์กันง่ายขึ้น
ปี 1892 Hermès เปิดตัวกระเป๋ารุ่น Haut à Courroiesซึ่งภายหลังคือรุ่น Birkin กระเป๋าที่ผู้หญิงทั่วโลกปรารถนา เอมิล โมริซ แอร์เมส (Émile Maurice Hermès) ทายาทรุ่นที่ 3 หลังจากได้ราชวงศ์ยุโรปมาเป็นลูกค้า ก็ออกไปแนะนำตัวถึงเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และสามารถขายอานม้าให้กับ กษัตริย์รัสเซีย จนอยู่ในฐานะผู้ค้าอานม้าที่สามารถติดต่อได้กับคนทั่วโลกแต่ ในปี 1923 ช่วงยุคของรถม้าจบลง Hermès หันมาผลิตและขายกระเป๋าสตรี กระเป๋าสตางค์ของที่ทำด้วยหนังชิ้นเล็กๆ
ปี1935 Hermès เปิดตัวกระเป๋าถือของ Haut à Courroies ที่ชื่อ Sac Haut a Courroie ซึ่งเป็นกระเป๋าที่พระราชินี เกรซ (อดีตนักแสดง เกรซ เคลลี่ (Grace Kelly) แห่งโมนาโค นำมาบังท้อง ขณะถูกถ่ายภาพ ตั้งแต่นั้นกระเป๋ารุ่นนี้จึงมีชื่อเรียกว่า Kelly Bag
ปี1935 Hermès เปิดตัวกระเป๋าถือของ Haut à Courroies ที่ชื่อ Sac Haut a Courroie ซึ่งเป็นกระเป๋าที่พระราชินี เกรซ (อดีตนักแสดง เกรซ เคลลี่ (Grace Kelly) แห่งโมนาโค นำมาบังท้อง ขณะถูกถ่ายภาพ ตั้งแต่นั้นกระเป๋ารุ่นนี้จึงมีชื่อเรียกว่า Kelly Bag
ปี 1937 Hermès เปิดตัวผ้าพันคอสินค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดของแอร์เมส คือ ผ้าพันคอไหม ซึ่งผลิตครั้งแรกในปีค.ศ. 1928โดยได้รับแรงบันดาลมาจากผ้าพันคอของทหารในกองทัพนโปเลียน ในการทำผ้าพันคอของแอร์เมสในปัจจุบัน ที่มีขนาด 90ตร.เซนติเมตร หนัก 65 กรัมนั้น เริ่มต้นจากคัดเลือกเส้นไหมที่มีคุณภาพ โดยต้องใช้รังไหมแท้ถึง 250 รัง และเทคนิคการทอแบบ16 รังไหม ขณะที่ของคนอื่นใช้แค่ 8 รังไหม ทอโดยช่างฝีมือของโรงงานแอร์เมสในลียง ประเทศฝรั่งเศส
ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่พิถีพิถัน โดยช่างฝีมือชาวฝรั่งเศส พิมพ์ลายด้วยการซิลสกรีนด้วยมือล้วนๆ ซึ่งในผืนหนึ่งๆอาจมีถึง30 กว่าสี การพิมพ์ลายให้เนียนสวยและงดงามได้ขนาดนี้ จึงต้องใช้ช่างฝีมือระดับเซียนจริงๆ และมีขั้นตอนการทำกว่า 40 ขั้นตอนกว่าจะมาเป็นผ้าพันคอแต่ละผืน เรียกได้ว่าการผลิตผ้าพันคอของแอร์เมสเทียบชั้นได้กับงานศิลปะภาพพิมพ์ต่างๆนั่นเลย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผ้าพันคอของแอร์เมสบางผืนจึงมีราคาเหยียบแสน
ตั้งแต่ปีค.ศ. 1937 เป็นต้นมา แอร์เมสออกผ้าพันคอมาแล้วกว่า25,000 ลาย โดยในแต่ละปีแอร์เมสจะออกผ้าพันคอมา 2 คอลเลคชั่น และอาจมีรุ่น limited edition มาเสริมในโอกาสพิเศษต่างๆ นอกจากนี้ผ้าพันคอของแอร์เมสยังเป็นที่นิยมมากในหมู่สะสม โดยเฉพาะรุ่นหายากต่างๆนั้น เป็นที่ต้องการและไล่ล่ากันไม่แพ้งานศิลปะของศิลปินดังๆนั่นเลยเทียว
ตั้งแต่ปีค.ศ. 1937 เป็นต้นมา แอร์เมสออกผ้าพันคอมาแล้วกว่า25,000 ลาย โดยในแต่ละปีแอร์เมสจะออกผ้าพันคอมา 2 คอลเลคชั่น และอาจมีรุ่น limited edition มาเสริมในโอกาสพิเศษต่างๆ นอกจากนี้ผ้าพันคอของแอร์เมสยังเป็นที่นิยมมากในหมู่สะสม โดยเฉพาะรุ่นหายากต่างๆนั้น เป็นที่ต้องการและไล่ล่ากันไม่แพ้งานศิลปะของศิลปินดังๆนั่นเลยเทียว
ปี 1945 Hermès กำหนด รถม้าสี่ล้อกับผู้ติดตาม ให้เป็นเครื่องหมายการค้า
ปี 2004 – 2010 ได้ฌอง ปอล โกลติเยร์(Jean-Paul Gaultier) มารับผิดชอบคอลเล็กชั่น
แฟนพันธ์แท้ของผ้าพันคอแอร์เมสก็หาใช่ใครอื่นไกล ล้วนเป็นบุคคลดังๆที่เรารู้จักกันดีอย่าง สมเด็จพระราชินีอลิซาเบทที่ 2 (ในภาพวาดที่อยู่บนแสตมป์ของอังกฤษ ก็ทรงสวมผ้าพันคอของแอร์เมสด้วย) ส่วนเกรซ เคลลี่ก็ใช้ผ้าพันคอของแอร์เมสมาดามแทนผ้าพันเฝือกตอนที่แขนหัก นอกจากนี้ คนดังอย่าง ออเดย์ แฮปเบริน, แคทารีน เดอนูฟ, แจคกี้ โอนาซิส , ชารอน สโตน์, ซารา เจสสิก้า ปาร์คเกอร์, ฮิลลารี่ คลินตัน, แอล แมคเฟอร์สัน และป้ามาดอนน่า ก็ล้วนแต่นิยมผ้าพันคอของแอร์เมสกันทั้งนั้น
ส่วนกระเป๋าของแอร์เมสที่ติดอันดับยอดนิยมตลอดกาลอย่างเบอร์กิ้น และเยลลี่นั้น การผลิตโดยการตัดเย็บด้วยมือด้วยความประณีตและละเอียดอ่อน โดยหนังที่ใช้ต้องเป็นเกรดเอเท่านั้น ซึ่งมีหนังหลายชนิด อาทิ หนังจระเข้ นกกระจอกเทศ ในการทำกระเป๋าแต่ละใบต้องใช้เวลานานมาก อย่างกระเป๋าเบอร์กิ้นช่างเย็บกระเป๋าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 18 ชั่วโมง รุ่นเคลลี่ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า16 ชั่วโมง ช่างทำกระเป๋าแต่ละคนต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างน้อย 3 ปี จึงจะได้รับอนุญาตให้ผลิตกระเป๋าได้ และเมื่อลูกค้าใช้กระเป๋าไปนาน ๆ และต้องการส่งซ่อม ผู้ที่ผลิตกระเป๋าใบนั้น ๆ จะเป็นผู้รับผิดชอบดูแล ซ่อมแซมกระเป๋าให้ และที่สำคัญ ถึงจะมีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อกันได้ง่ายๆนะครับ แต่ละใบต้องสั่งจองล่วงหน้าเป็นปีๆ กว่าจะได้มาครอบครองสมใจอยาก
นอกจากนี้.. กระเป๋าในรุ่นยอดนิยมต่างๆของแอร์เมสยังมีตำนานสุดคลาสสิก ที่ช่วยเสริมบรรยากาศในการสวมใส่ อย่างกระเป๋าเคลลี่นั้น มีที่มาจากชื่อของเกรซ เคลลี่ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้โด่งดังจากการสะพายไปขึ้นปกนิตยสารไลพ์ ในปีค.ศ. 1956ส่วนรุ่นเบอร์กิ้น มาจากชื่อของ เจน เบอร์กิ้น ซึ่งเป็นผู้ร่วมออกแบบกระเป๋ารุ่นนี้ร่วมกับชอง-หลุยซ์ ดูมาส์ เนื่องจากเธอเห็นว่ากระเป๋าเยลลี่ของเธอไม่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยความพิถีพิถันเหล่านี้เองที่เป็นคุณสมบัติความพรีเมียมของแอร์เมส ที่ทำให้แบรนด์ Hermes กลายเป็นแบรนด์สุดยอดในเรื่องของกระเป๋าสะพาย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมทุกวันนี้กระเป๋าใบหรูที่ราคาแสนแพงของแอร์เมสจึง กลับมียอดสั่งจองเยอะที่สุด ทั้งยังต้องรอคอยนานข้ามปี ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่แบรนด์เท่านั้น ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์แบบนี้ได้
ปัจจุบัน แอร์เมสมีสินค้าหลากหลายชนิด ตั้งแต่เครื่องม้า กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ผ้าพันคอ เนกไท จิวเวลรี่ นาฬิกา จานชาม เครื่องเขียน เสื้อผ้าของใช้เด็ก ยันไปถึงของใช้จุกจิก เช่น ที่เปิดขวดไวน์ ตลับเมตร สายคล้องมือถือ ฯลฯ แอร์เมสมีของเกือบทุกอย่างแต่ที่ไม่มีก็คือแว่นตา
ด้วยราคาและคุณภาพการตัดเย็บ ทำให้ตอนนี้ยังถือเป็นแบรนด์เดียวที่ยังคงเอกลักษณ์การเย็บด้วยมือแบบร้อยทีละรูด้าย จึงทำให้เป็นที่ต้องการอย่างมาก เพราะลูกค้ารู้สึกได้ถึงความมีรสนิยมที่แตกต่างจากการเลือกใช้แบรนด์อื่นๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น